65104_18.jpg (1568×1044)

            วันที่ 13 พฤษภาคม 2565 สมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) ในพระราชูปถัมภ์ ฯ ภายใต้การดำเนินงาน "Thailand Vision Zero Center" เป็นหน่วยงานที่มีความมุ่งมั่นพัฒนา "วัฒนธรรมความปลอดภัยเชิงป้องกัน" ตามหลักยุทธศาสตร์ Vision Zero โดยมีการพัฒนาเครื่องมือต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับบริบทของสังคมไทย รวมถึงมีการพัฒนาบุคลากรโดยเฉพาะผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจประเมิน ให้มีความรู้ ทักษะ ทัศนคติ อีกทั้งความสามารถในการตรวจประเมิน ด้านสุขภาพ ด้านความปลอดภัย และด้านความผาสุก ให้มีประสิทธิภาพในการตรวจประเมินสูงสุดตามหลักยุทธศาสตร์ Vision Zero และจรรยาบรรณของผู้ตรวจประเมินที่เป็นมาตรฐานระดับสากล

65083_04.jpg (1536×1066)

           วันอังคารที่ 26 เมษายน 2565 สมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) ในพระราชูปถัมภ์ ฯ เข้าร่วมรับฟังขั้นตอนการดำเนินงานการขอรับการสนับสนุนโครงการ และแนวทางการสนับสนุนทุนตามยุทธศาสตร์ของสำนักงานกองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ระบบ Application Zoom Cloud Meeting เพื่อเตรียมความพร้อมในการนำเสนอโครงการในปีต่อไป

           สมาคมส่งเสริมความปลอดภัย ฯ มีความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอโครงการที่มีแนวคิดสนับสนุนนโยบายตามยุทธศาสตร์ของสำนักงานกองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม รวมถึงจัดทำมาตรฐานด้านความปลอดภัย การให้บริการอาชีวอนามัย การพัฒนานวัตกรรมเกี่ยวกับความปลอดภัย และการอบรมหลักสูตรเชิงปฏิบัติการ โดยมีเป้าหมายลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน

65082_2.jpg (1339×1004)

              วันอังคารที่ 26 เมษายน 2565 คณะทำงานโครงการ Vision Zero ภายใต้การดำเนินงานของสมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) ในพระราชูปถัมภ์ ฯ จัดประชุม "พัฒนาแบบประเมิน Vision Zero สำหรับสถานศึกษา" ดำเนินการประชุมโดย คุณนิลวดี เลียงสุนทรสิทธิ์ ที่ปรึกษานายกสมาคมส่งเสริมความปลอดภัย ฯ และคณะที่ปรึกษาโครงการ Vision Zero ร่วมพัฒนาและปรับหลักการ รวมถึงโครงสร้างของแบบประเมินให้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา

              การพัฒนาแบบประเมินดังกล่าวถือเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเครื่องมือยุทธศาสตร์  Vision Zero ให้สามารถขยายไปยังสถานศึกษาได้  อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยปลูกฝังจิตสำนึกความปลอดภัย สุขภาพและความผาสุก แบบสุขภาวะองค์รวม ให้แก่บุคลากร และนักเรียนเพื่อก้าวสู่วัฒนธรรมความปลอดภัยเชิงป้องกันอย่างยั่งยืน

CC65091_1.jpg (1460×821)

          วันที่ 8 มีนาคม 2565 โครงการ VISION ZERO ภายใต้การดำเนินงานของสมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) ในพระราชูปถัมภ์ ฯ จัดประชุม “คณะกรรมการและคณะอนุกรรมการเกี่ยวกับโครงการ VISION ZERO” กล่าวเปิดการประชุมโดย รศ.ดร.เฉลิมชัย ชัยกิตติภรณ์ นายกสมาคมส่งเสริมความปลอดภัย ฯ ดำเนินการประชุมโดย คุณโสภณ พงษ์โสภณ ผู้จัดการสมาคมส่งเสริมความปลอดภัย ฯ และ คุณนิลวดี เลียงสุนทรสิทธิ์ ที่ปรึกษานายกสมาคมส่งเสริมความปลอดภัย ฯ โครงการ VISION ZERO ร่วมประชุมและออกความเห็น สำหรับการประชุมดังกล่าวเป็นการหารือเกี่ยวกับกระบวนการดำเนินโครงการในรูปแบบ New Vision Zero 2021 ถือเป็นการพัฒนากระบวนการทำงานด้านต่าง ๆ ของโครงการ โดยเฉพาะรูปแบบการตรวจประเมินที่มีการปรับหลักการและโครงสร้างให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาโครงการ Vision Zero ให้เป็นระบบต่อไป

65048_4.jpg (3544×2363)

 

             โครงการ VISION ZERO ภายใต้การดำเนินงานของสมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) ในพระราชูปถัมภ์ ฯ เป็นโครงการเสริมสร้างความรู้ และมาตรฐานทางด้านความปลอดภัย สุขภาพ และความผาสุก เพื่อสร้างวัฒนธรรมเชิงป้องกันให้นำไปสู่วิสัยทัศน์ความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการให้ความรู้ และพัฒนาศักยภาพด้านความปลอดภัยในการทำงานให้แก่สถานประกอบการ โดยใช้ยุทธศาสตร์ VISION ZERO ในการขับเคลื่อนตามนโนบายของ Safety Thailand ทั้งนี้ในปี 2565 สมาคมส่งเสริมความปลอดภัย ฯ ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม ดำเนินโครงการ "ขับเคลื่อนและส่งเสริมยุทธศาสตร์ Safety Thailand ด้วยวิสัยทัศน์ความปลอดภัยสู่คุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน (Vision Zero) สำหรับสถานประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ประจำปี 2565" โดยมีกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพให้กับสถานประกอบการ ได้แก่ การอบรม การให้คำปรึกษา การตรวจประเมิน และกิจกรรมอื่น ๆ จากผู้เชี่ยวชาญของโครงการ VISION ZERO จึงขอเชิญชวนสถานประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่มีลูกจ้างไม่เกิน 200 ราย เข้าร่วมโครงการ VISION ZERO ประจำปี 2565 ฟรี! โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตลอดโครงการ เพื่อร่วมกันสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยสู่คุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : 02-8841852 ต่อ 312

 

          วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 สมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) ในพระราชูปถัมภ์ ฯ นำทีมโดย รศ.ดร.เฉลิมชัย ชัยกิตติภรณ์ นายกสมาคมส่งเสริมความปลอดภัย ฯ และ ดร.ชัยยุทธ ชวลิตนิธิกุล ที่ปรึกษาสมาคมส่งเสริมความปลอดภัย ฯ พร้อมคณะกรรมการบริหารสมาคมส่งเสริมความปลอดภัย ฯ เข้ามอบรางวัล Thailand Vision Zero 2020 สำหรับสถานศึกษา "ระดับพัฒนา" ให้กับโรงเรียนจิตรลดาวิชาชีพ สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา กล่าวต้อนรับและรับมอบรางวัลโดย รศ.ดร.คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา พร้อมคณะผู้บริหารสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา

         สมาคมส่งเสริมความปลอดภัย ฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญของความปลอดภัยในสถานศึกษา จึงได้ดำเนินโครงการโรงเรียนต้นแบบด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ภายใต้ยุทธศาสตร์ Vision Zero อย่างต่อเนื่อง และร่วมขับเคลื่อนงานความปลอดภัยในสถานศึกษาเพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยเชิงป้องกันในสถานศึกษาต่อไป

             ความปลอดภัยในการทำงาน เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอย่างยิ่ง ยุทธศาสตร์ “VISION ZERO” เป็นเครื่องมือที่สมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) ในพระราชูปถัมภ์ฯ ตัดสินใจเลือกมาเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนงานความปลอดภัยและสุขอนามัยในการทำงานเพื่อลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุให้เป็น“ศูนย์”ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงจาก “ทัศนคติ” ให้เป็น “วิสัยทัศน์” ได้

             บริษัท ดูปองท์ นิวทริชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทผู้ผลิต และผสมสารปรุงแต่งสำหรับผลิตภัณฑ์นม และอาหาร มีความเชื่อมั่นว่ายุทธศาสตร์ VISION ZERO ช่วยเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยอีกทั้งยังสามารถช่วยลดอุบัติเหตุในการทำงานได้ส่งผลให้องค์กรมีความปลอดภัยสูงสุดจนนำไปสู่การเป็นองค์กรที่เข้มแข็งทางด้านความปลอดภัย สุขภาพ และความผาสุกในการทำงาน

65012_1.png (1666×1666)

 

         อุบัติเหตุและโรคจากการทำงาน ไม่อาจคาดการณ์ล่วงหน้าได้ ซึ่งล้วนเกิดขึ้นจากสาเหตุต่าง ๆ  ดังนั้นการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยเชิงป้องกันที่เข้มแข็ง สามารถขจัดสาเหตุต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดอันตรายจากการทำงานได้ "VISION ZERO"  เป็นยุทธศาสตร์ในการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมและแนวทางในการทำงาน โดยการนำมิติทางด้านความปลอดภัย สุขภาพ และความผาสุก มาบูรณาการเพื่อป้องกันสาเหตุต่าง ๆ ที่อาจให้ก่ออันตรายในสถานประกอบกิจการทุกระดับ ซึ่งต้องเริ่มต้นจากผู้นำ ที่มีภาวะผู้นำในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์

        "บริษัท สยามกลาส อินดัสทรี จำกัด" เป็นบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายขวดแก้ว อยู่ในเครือของ บ.โอสถสภา จำกัด (มหาชน) มุ่งมั่นที่จะนำยุทธศาสตร์ Vision Zero ในการสร้างจิตสำนึกเรื่องความปลอดภัย ให้พนักงานทุกคน ทุกระดับตลอดเวลา ส่งผลให้เกิดสุขภาพที่ดี และมีความผาสุก

65013_1.png (1666×1666)

          สมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) ในพระราชูปถัมภ์ ฯ มีความมุ่งมั่นที่จะร่วมส่งเสริมและพัฒนางานความปลอดภัย รวมถึงสุขภาพ  ตลอดจนความเป็นอยู่ที่ดีของแรงงานไทย จึงนำยุทธศาสตร์ "VISION ZERO" เข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยเชิงป้องกันเพื่อความยั่งยืน

          "VISION ZERO" เป็นยุทธศาสตร์ในการปรับเปลี่ยนแนวทางในการป้องกันการเกิดอันตรายจากงาน โดยการนำมิติทางด้านความปลอดภัย สุขภาพ และความผาสุก มาบูรณาการเพื่อการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและโรคจากการทำงานในสถานประกอบกิจการทุกระดับ ซึ่งต้องเริ่มต้นจากผู้นำ ที่มีภาวะผู้นำในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ดังกล่าว

         "บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน)" เป็นบริษัทที่ผลิต บรรจุภัณฑ์ และจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและลูกอม ได้นำยุทธศาสตร์ Vision Zero เข้ามาขับเคลื่อนองค์กรโดยมีกฎทอง 7 ประการ เป็นเครื่องมือในการกำหนดนโยบายระดับองค์กร เพื่อให้พนักงานมีความปลอดภัย มีสุขภาพที่ดี รวมถึงมีความสุขในการทำงาน ซึ่งจะสามารถนำไปสู่วัฒนธรรมความปลอดภัยเชิงป้องกันอย่างยั่งยืนได้อีกด้วย

64282_1.jpg (1568×1044)

      วันที่ 27 ธันวาคม 2564 รศ.ดร.เฉลิมชัย ชัยกิตติภรณ์ นายกสมาคมส่งเสริมความปลอดภัย ฯ พร้อมคุณบัญชา ศรีธนาอุทัยกร ผู้จัดการสมาคมส่งเสริมความปลอดภัย ฯ มีโอกาสต้อนรับและมอบโล่รางวัล Thailand Vision Zero ประจำปี 2563 ระดับสมบูรณ์ (Achievement Award – Level 3)  ให้กับบริษัท ซีแอนด์จี เอ็นไวรอนเมนทอล โปรเท็คชั่น จำกัด รับมอบโดย คุณนนก์ภสร นเรธรณ์ ผู้จัดการโรงงาน ณ สมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) ในพระราชูปถัมภ์ ฯ

      โครงการ Thailand Vision Zero ช่วยให้บริษัท ซีแอนด์จี เอ็นไวรอนเมนทอล โปรเท็คชั่น จำกัด สามารถขับเคลื่อนให้เกิดระบบความปลอดภัยที่ยั่งยืนขึ้นภายในสถานประกอบกิจการ ด้วยการใช้เครื่องมือกฎทอง 7 ประการ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และมีสุขภาพอนามัยที่ดีอย่างยั่งยืนขึ้น อีกทั้งยังเป็นเสมือนตัวกลางในการประสานระหว่างนายจ้าง และลูกจ้าง